ลงโฆษณาออนไลน์ แบบ CPM หรือ CPC ดี?
- พฤษภาคม 11, 2010
- Posted by: Parwinee Piyapongpaisarn
- Category: Articles-TH
หลายคนที่เคยลงโฆษณาออนไลน์ หรือกำลังจะลงโฆษณาในเว็บไซต์ดังๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Google, Yahoo หรือ Facebook มักจะสงสัยกับรูปแบบการคิดค่าโฆษณาที่เป็น CPM กับ CPC โดยเฉพาะ Facebook ที่ให้เราสามารถเลือกรูปแบบการคิดค่าโฆษณาได้ทั้งสองแบบ คำถาม คือแล้วรูปแบบไหนจะดีกว่ากัน? ก่อนที่จะได้คำตอบนี้ เรามาดูความหมายของ CPM กับ CPC กันก่อน
CPM หรือ Cost Per Mille คือ รูปแบบการคิดค่าโฆษณาต่อการปรากฏของโฆษณาออนไลน์ 1,000 ครั้ง การปรากฏของโฆษณาจะเรียกว่า Impression โดย Mille เป็นภาษาละตินมีค่าเท่ากับ 1,000 นั่นเอง เช่น มูลค่า CPM เท่ากับ 100 บาท ทุกครั้งที่โฆษณาปรากฏ 1,000 ครั้ง (Impressions) คุณก็จะจ่ายค่าโฆษณา 100 บาท
CPC หรือ Cost Per Click คือ รูปแบบการคิดค่าโฆษณาต่อการคลิกโฆษณาหนึ่งครั้ง รูปแบบนี้จะเข้าใจได้ง่ายมาก ไม่ว่าโฆษณาของคุณจะปรากฏกี่ครั้งก็ตาม คุณจะไม่เสียค่าโฆษณาใดๆ เลย เมื่อใดที่มีคนคลิกโฆษณาของคุณๆ ก็จะเสียค่าโฆษณาทันที ดังนั้นโดยทั่วไปแล้ว CPC มักจะมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า CPM โดยทั่วไปแล้ว การเลือกรูปแบบ CPC หรือ CPM จะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแคมเปญการตลาด ถ้าแคมเปญการตลาดต้องการสร้างการรับรู้ของตราสินค้า หรือ Brand Awareness รูปแบบ CPM ก็จะเหมาะสมกว่า แต่ถ้าวัตถุประสงค์ของแคมเปญการตลาดเพื่อสร้างยอดขายหรือเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์เป้าหมาย รูปแบบ CPC ก็จะเหมาะสมกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว การพิจารณาว่ารูปแบบไหนคุ้มค่าการลงทุนมากกว่ากัน ค่า CTR หรือ Click-Thru-Rate ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ
อีกคำศัพท์หนึ่งที่คุณจะต้องทราบคือ CTR (Click-Thru-Rate) หรือ อัตราการคลิกโฆษณา เท่ากับ จำนวนคลิกโฆษณาหารด้วยจำนวนโฆษณาที่ปรากฏ เช่น โฆษณาปรากฏ 1,000 ครั้ง มีผู้เข้าชมโฆษณาคลิก 50 ครั้ง อัตรา CTR จะเท่ากับ (50/10000) x 100 = 0.5% แน่นอนว่า ยิ่งอัตรา CTR สูงเท่าไรก็ยิ่งดี เพราะโฆษณาได้รับความสนใจและมีโอกาสการขายที่มากขึ้น
อัตราเฉลี่ย CTR จะอยู่ที่ประมาณ 0.01% – 2% เช่น โฆษณาแบนเนอร์ก็จะอยู่ที่ 0.25% แต่ถ้าเป็นโฆษณาข้อความ (Sponsor Text) อย่าง Google Adwords หรือ Facebook Ad อัตราเฉลี่ย CTR ก็จะอยู่ระหว่าง 0.03% – 2% ที่ค่าเฉลี่ยอยู่ในช่วงกว้าง เพราะขึ้นอยู่กับข้อความ คำหลัก (Keywords) และ ความน่าสนใจของโฆษณา ดังนั้น การทดสอบลงโฆษณาเพื่อหาอัตรา CTR จึงมีความสำคัญและจำเป็นในการพิจารณาว่ารูปแบบไหนของการคิดค่าโฆษณาจึงจะเหมาะสมที่สุด
สูตรทางคณิตศาสตร์ง่ายๆ ว่ารูปแบบการคิดค่าโฆษณา CPC จะคุ้มค่ากว่า CPM
เมื่อ Impression x CPC x CTR น้อยกว่า (Impression/1000) x CPM
ตัวอย่างเช่น คุณจะลงโฆษณาใน Facebook แล้ว Facebook ให้คุณเลือกรูปแบบการคิดค่าโฆษณา โดยคิดมูลค่า CPC เท่ากับ 0.10 ดอลลาร์ และ มูลค่า CPM เท่ากับ 0.80 ดอลลาร์ คราวนี้คุณก็สมมติว่า อัตรา CTR ของโฆษณาของคุณน่าจะอยู่ที่ 0.5% ด้วยการปรากฏของโฆษณาที่ 1000 impressions ถ้าคำนวณจากสูตรแล้ว 1000 x {CONTENT_DESC}.10 x 0.5% < (1000/1000) x {CONTENT_DESC}.80 เท่ากับ 0.5 < 0.8
ดังนั้น แคมเปญนี้ รูปแบบการคิดค่าโฆษณาแบบ CPC จึงคุ้มค่ากว่า แต่ถ้าเมื่อไร อัตรา CTR สูงกว่า 0.8% รูปแบบการคิดค่าโฆษณาแบบ CPM จะเริ่มคุ้มค่ากว่า คุณควรจะพิจารณาอัตรา CTR อย่างใกล้ชิดและปรับเปลี่ยนรูปแบบการคิดค่าโฆษณาตามสถานการณ์
การพิจารณาความคุ้มค่าของการลงโฆษณาระหว่าง CPC กับ CPM จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันหมายถึงคุณสามารถประหยัดเงินลงทุนโฆษณาได้และยังสามารถเพิ่มผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ได้เร็วมากขึ้นด้วย
(Source : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)