RPA คืออะไร? ปลดล็อกศักยภาพธุรกิจด้วยหุ่นยนต์ซอฟต์แวร์อัจฉริยะ
 
															1. RPA คืออะไร?
Robotic Process Automation หรือ RPA คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถ “จำลองการทำงานของมนุษย์ในคอมพิวเตอร์” โดยใช้ซอฟต์แวร์อัตโนมัติ (ที่เรียกว่าหุ่นยนต์หรือ Bot) ทำงานตามขั้นตอนต่าง ๆ แทนพนักงาน เช่น คลิกเมาส์ พิมพ์ข้อมูล เปิดอีเมล อ่านไฟล์ PDF กรอกฟอร์มในเว็บไซต์ หรือส่งข้อมูลข้ามระบบ
สิ่งที่ทำให้ RPA โดดเด่นคือ:
- 
ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนระบบเดิม (Non-invasive) 
- 
ทำงานร่วมกับระบบต่าง ๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็น ERP, CRM, Email หรือ Excel 
- 
ไม่ต้องมี AI ก็เริ่มต้นใช้งานได้ 
2. RPA ทำงานอย่างไร?
การทำงานของ RPA อาศัยการตั้งค่าขั้นตอน (Workflow) เพื่อให้บอททำงานอัตโนมัติตามลำดับ เช่น:
- 
เข้าระบบ ERP ด้วยรหัสผ่าน 
- 
ดึงใบสั่งซื้อที่ยังไม่ได้ดำเนินการ 
- 
เปิด Excel แล้วคัดลอกข้อมูลมาเติมในฟอร์ม 
- 
สร้างใบแจ้งหนี้และแนบไฟล์ส่งอีเมล 
- 
อัปเดตสถานะในระบบ CRM 
RPA มี 2 ประเภทหลัก:
- 
Attended RPA: ทำงานร่วมกับพนักงาน เช่น กดปุ่มเพื่อให้บอทช่วยทำงานเฉพาะจุด 
- 
Unattended RPA: ทำงานแบบเบื้องหลังโดยอัตโนมัติ 100% เช่น รันบอททุกวันเวลา 18:00 น. 
3. ทำไมผู้บริหารควรให้ความสำคัญกับ RPA?
ในยุคที่ธุรกิจต้องการความเร็วและความแม่นยำ RPA คือเครื่องมือที่ช่วย:
- 
ลดต้นทุนแรงงานโดยไม่ต้องปลดคน 
- 
เพิ่มขีดความสามารถโดยไม่ต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ 
- 
ลดข้อผิดพลาดจากงานทำซ้ำ 
- 
ตอบสนองต่อลูกค้าและตลาดได้เร็วขึ้น 
Gartner คาดการณ์ว่า “ภายในปี 2025 กว่า 90% ขององค์กรขนาดใหญ่จะนำ RPA มาใช้ในกระบวนการหลักบางส่วน”
4. ประโยชน์ที่จับต้องได้ของ RPA สำหรับผู้บริหาร
| ประโยชน์ | รายละเอียด | 
|---|---|
| ประหยัดต้นทุน | ลดภาระงานที่ทำซ้ำของพนักงาน และลดเวลาในการทำงานลงได้มากกว่า 60–80% | 
| เพิ่มความแม่นยำ | บอทไม่มีความเหนื่อยล้า ไม่หลงลืม ไม่พิมพ์ผิด | 
| เพิ่ม Productivity | พนักงานสามารถใช้เวลาทำงานเชิงวิเคราะห์หรือบริการลูกค้ามากขึ้น | 
| ทำงานได้ 24/7 | ไม่มีวันลาป่วย ลากิจ หรือเลิกงาน | 
| ขยายผลได้ง่าย | เริ่มจากงานเล็ก แล้วขยายบอทเพิ่มโดยไม่ต้องจ้างคนเพิ่ม | 
5. ตัวอย่างงานที่เหมาะกับการใช้ RPA
- 
การสร้างใบแจ้งหนี้จากใบสั่งซื้อ 
- 
การคัดลอกข้อมูลลูกค้าระหว่างระบบ 
- 
การจัดการคำขอผ่านอีเมล (เช่น สมัครบริการ, แจ้งเปลี่ยนที่อยู่) 
- 
การเช็กสถานะและแจ้งเตือนผ่าน LINE/Email 
- 
การอัปเดตข้อมูลจากเว็บไซต์/พอร์ทัลของคู่ค้า 
6. กรณีศึกษาพร้อม ROI ที่พิสูจน์ได้จริง
Case 1: บริษัทด้านการเงิน – ลดต้นทุน 3 ล้านบาท/ปี
ปัญหา: ทีมงานต้องใช้เวลาวันละ 6 ชั่วโมง ตรวจสอบข้อมูลจากอีเมล-Excel แล้วป้อนข้อมูลในระบบ
แนวทางแก้ไข: ใช้ RPA ดึงข้อมูลและอัปเดตระบบแทนพนักงาน
ผลลัพธ์:
- 
ลดเวลาทำงานลงจาก 6 ชม. เหลือ 30 นาที 
- 
ประหยัดต้นทุนพนักงานกว่า 3 ล้านบาท/ปี 
- 
ความผิดพลาดลดลง 100% 
Case 2: บริษัทโลจิสติกส์ – เพิ่มบริการ 5 เท่า
ปัญหา: ต้องป้อน Tracking Number และอัปเดตสถานะการจัดส่งจากเว็บไซต์พันธมิตรวันละ 2,000 รายการ
แนวทางแก้ไข: ใช้บอทดึงข้อมูลโดยอัตโนมัติและอัปเดตในระบบ
ผลลัพธ์:
- 
เวลาการทำงานลดลงจาก 10 ชม. เหลือ 2 ชม. 
- 
เพิ่มความเร็วในการตอบลูกค้า 
- 
ROI คืนทุนใน 4 เดือน 
Case 3: หน่วยงานราชการ – ลด Paperwork 80%
ปัญหา: เจ้าหน้าที่ต้องกรอกข้อมูลฟอร์มซ้ำซ้อนในการอนุมัติงบประมาณ
แนวทางแก้ไข: RPA อ่าน PDF และกรอกข้อมูลในระบบให้โดยอัตโนมัติ
ผลลัพธ์:
- 
ลดเวลาต่อรายการจาก 15 นาที เหลือ 1 นาที 
- 
เพิ่มความโปร่งใส และลดข้อผิดพลาด 
7. เริ่มต้นใช้ RPA อย่างไร?
ขั้นตอนหลัก:
- 
วิเคราะห์กระบวนการ – งานซ้ำ ๆ ที่ชัดเจน ตรวจสอบได้ง่าย 
- 
ประเมินความคุ้มค่า (ROI) – ลดเวลาคน ลดข้อผิดพลาด = มูลค่าทางธุรกิจ 
- 
ออกแบบบอท – ร่วมกับ IT หรือ Partner RPA 
- 
ทดสอบในวงจำกัด (Pilot) – ตรวจสอบผลลัพธ์ก่อนขยาย 
- 
ขยายผล (Scale) – นำ RPA ไปใช้กับกระบวนการอื่น 
8. แพลตฟอร์ม RPA ยอดนิยม
| Platform | จุดเด่น | 
|---|---|
| UiPath | ผู้นำตลาด รองรับทั้ง Attended/Unattended, มี AI Integration | 
| Automation Anywhere | เน้นใช้งานบน Cloud และการบริหารบอทจากศูนย์กลาง | 
| Microsoft Power Automate | เหมาะสำหรับองค์กรที่ใช้ Microsoft 365 | 
| Blue Prism | เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่และต้องการความมั่นคงสูง | 
9. RPA + AI = Hyperautomation
Hyperautomation คือการยกระดับจาก RPA ธรรมดา โดยเพิ่มความสามารถของ AI เช่น:
- 
OCR (Optical Character Recognition): อ่านเอกสาร PDF 
- 
NLP (Natural Language Processing): เข้าใจภาษามนุษย์ 
- 
ML (Machine Learning): เรียนรู้จากข้อมูลเพื่อแนะนำทางเลือกที่ดีที่สุด 
ตัวอย่างเช่น:
- 
อ่านใบแจ้งหนี้ด้วย OCR 
- 
วิเคราะห์ข้อความร้องเรียนจากอีเมลด้วย NLP 
- 
เลือกเส้นทางจัดส่งที่คุ้มค่าที่สุดด้วย ML 
10. สรุป: RPA คือเครื่องมือเปลี่ยนเกมของผู้บริหารยุคใหม่
RPA ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือของทีม IT เท่านั้น แต่เป็น “กลยุทธ์” ที่ผู้บริหารสามารถใช้เพื่อ:
- 
เพิ่มผลกำไรโดยไม่เพิ่มต้นทุน 
- 
เร่งการดำเนินงานโดยไม่ต้องเพิ่มคน 
- 
ยกระดับคุณภาพการให้บริการลูกค้า 
การเริ่มต้น RPA ในวันนี้ คือการวางรากฐานสำหรับ Hyperautomation ในอนาคต ที่ธุรกิจจะไม่เพียง “รอด” แต่ “โตอย่างยั่งยืน”
UiPath เป็นผู้นำระดับโลกด้าน RPA (Robotic Process Automation) ซึ่งนำเสนอโซลูชันซอฟต์แวร์และบริการที่ช่วยให้องค์กรต่างๆ ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิผลของธุรกิจได้
โซลูชันของ UiPath ประกอบด้วยหุ่นยนต์ซอฟต์แวร์หรือโรบอทที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ในการปฏิบัติงานซ้ำๆ ขั้นตอนต่างๆ เช่น การกรอกข้อมูล การประมวลผลเอกสาร การติดต่อสื่อสาร การตรวจสอบข้อมูล เป็นต้น RPA สามารถช่วยองค์กรประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิผลของธุรกิจได้
ประโยชน์ของการใช้ RPA ของ UiPath มีดังนี้
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: RPA สามารถช่วยองค์กรเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยอัตโนมัติในงานซ้ำๆ ขั้นตอนต่างๆ ช่วยลดเวลาและข้อผิดพลาดในการดำเนินงาน
- ลดต้นทุน: RPA สามารถช่วยองค์กรลดต้นทุนโดยลดความต้องการพนักงานในการดำเนินงาน งานซ้ำๆ ขั้นตอนต่างๆ
- เพิ่มประสิทธิผลของธุรกิจ: RPA สามารถช่วยองค์กรเพิ่มประสิทธิผลของธุรกิจโดยเพิ่มเวลาและทรัพยากรให้กับงานที่มีมูลค่าเพิ่ม
UiPath นำเสนอโซลูชันที่ยืดหยุ่นและปรับแต่งได้สูง สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับกระบวนการทางธุรกิจต่างๆ มากมาย โซลูชันของ UiPath ยังมาพร้อมกับเครื่องมือและบริการที่หลากหลายที่ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถใช้งาน RPA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากองค์กรของคุณกำลังมองหาโซลูชัน RPA ที่มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นสูง UiPath เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม
สอบถามเกี่ยวกับ UiPath RPA กรุณาติดต่อ
บริษัท ซันเด โซลูชันส์ จำกัด
โทร 026348899 อีเมล sales@sundae.co.th
- กรกฎาคม 10, 2025
- Posted by: sundaeadmin
- Category: Articles-TH
 
		 
						