การขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล: แนวทาง 3 มิติเพื่อสร้างความยั่งยืน
(Resilent Digital Transformation)
บทนำ: โลกดิจิทัลกับการเปลี่ยนผ่านที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ในยุคที่เทคโนโลยีได้แทรกซึมเข้าไปในทุกกระบวนการของธุรกิจ การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) ไม่ใช่เพียงกลยุทธ์เสริม หรือเครื่องมือทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็น “ความจำเป็น” สำหรับองค์กรที่ต้องการรักษาความสามารถในการแข่งขัน ความอยู่รอด และการเติบโตในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
Digital Transformation ในความหมายที่แท้จริง ไม่ได้จำกัดแค่การนำซอฟต์แวร์หรืออุปกรณ์ดิจิทัลมาใช้ แต่เป็นการ “เปลี่ยนแปลงเชิงระบบ” ที่ครอบคลุมตั้งแต่กลยุทธ์องค์กร วัฒนธรรม วิธีการบริหารจัดการ บุคลากร ตลอดจนกระบวนการทำงานทั้งหมด
บทความนี้จะพาคุณเข้าสู่กรอบแนวคิด Resilient Digital Transformation (RDT) Framework ซึ่งเป็นแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่มองการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลใน 3 มิติหลัก ได้แก่:
- ด้านดิจิทัล (Digital Domain)
- ด้านองค์กรภายใน (Organizational Domain)
- ด้านสภาพแวดล้อมภายนอก (External Environment Domain)
พร้อมยกตัวอย่างจากการประยุกต์ใช้จริงผ่านโซลูชันของ Sundae Solutions Co., Ltd. ที่สนับสนุนองค์กรไทยหลายแห่งในการเดินทางสู่อนาคตดิจิทัลอย่างยั่งยืน

มิติที่ 1: มิติด้านดิจิทัล (Digital Domain)
มิตินี้ครอบคลุมทรัพยากรดิจิทัลทั้งหมดขององค์กร เช่น ระบบสารสนเทศ ข้อมูล โครงสร้างพื้นฐาน ซอฟต์แวร์ และแพลตฟอร์มดิจิทัล เป้าหมายคือการสร้างรากฐานเทคโนโลยีที่ “พร้อมปรับตัว” “พร้อมนวัตกรรม” และ “พร้อมขยาย” เพื่อรองรับการเติบโตและเปลี่ยนแปลงในอนาคต
1.1 Adaptability – ความสามารถในการปรับตัว
องค์กรต้องมีโครงสร้างดิจิทัลที่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เช่น การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค เทคโนโลยีใหม่ ภัยคุกคาม หรือสถานการณ์ฉุกเฉิน
ตัวอย่าง: SAP Business One มีฟังก์ชัน Business Intelligence และ Dashboard ที่ช่วยให้ผู้บริหารสามารถติดตามตัวชี้วัดสำคัญได้แบบเรียลไทม์ และปรับกลยุทธ์ได้ทันต่อสถานการณ์
1.2 Innovation – การนำนวัตกรรมมาใช้
องค์กรควรสนับสนุนการทดลองใช้นวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Machine Learning, ระบบอัตโนมัติ, IoT และ Data Analytics โดยไม่กลัวความล้มเหลว
ตัวอย่าง: Freddy AI Agent จาก Freshworks ได้ช่วยให้หลายองค์กรสามารถให้บริการลูกค้าได้ 24/7 พร้อมระบบแนะนำคำตอบอัตโนมัติที่แม่นยำ ลดภาระทีม Support ได้หลายสิบเปอร์เซ็นต์
1.3 Scalability – การขยายระบบได้ตามการเติบโต
โครงสร้างดิจิทัลควรออกแบบให้รองรับการเติบโต เช่น เพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน เพิ่มข้อมูล ปรับขนาดระบบ หรือขยายสู่สาขาใหม่โดยไม่สะดุด
ตัวอย่าง: การใช้ Freshservice บนระบบ Cloud ช่วยให้สามารถบริหารจัดการทรัพยากรไอทีได้แม้ในองค์กรที่มีหลายสาขาทั่วประเทศ และขยายบริการ ITSM ได้ตามการเติบโตของธุรกิจ

มิติที่ 2: มิติด้านองค์กร (Organizational Domain)
แม้เทคโนโลยีจะล้ำหน้าเพียงใด หากองค์กรไม่มีคนที่พร้อมใช้ และไม่มีโครงสร้างที่เอื้อต่อการปรับเปลี่ยน เทคโนโลยีนั้นก็ไม่อาจสร้างผลลัพธ์ได้
มิตินี้จึงเน้น “ทุนมนุษย์” และ “โครงสร้างองค์กร” ที่พร้อมเดินทางไปกับการเปลี่ยนผ่าน
2.1 Employee Retention & Upskilling – คนคือศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลง
การรักษาพนักงานที่มีศักยภาพ และการพัฒนาให้มีทักษะที่ตรงกับเทคโนโลยีใหม่ เป็นหัวใจของการเปลี่ยนผ่านที่ยั่งยืน
ตัวอย่าง: Sundae จัดอบรมให้ลูกค้าทั้งในระดับผู้ใช้งานและผู้บริหาร ผ่านการฝึกอบรมทั้งแบบ Online และ On-site พร้อมจัดทำคู่มือการใช้งานระบบ CRM, ERP, ITSM แบบเฉพาะองค์กร
2.2 Governance Frameworks – โครงสร้างการบริหารที่ทันสมัย
ต้องมีการวางระบบบริหารที่ยืดหยุ่น คล่องตัว แต่อยู่บนพื้นฐานของความชัดเจน โปร่งใส และยึดตามวิสัยทัศน์ระยะยาวขององค์กร
ตัวอย่าง: การวางโครงสร้างการทำงานร่วมกันผ่าน Bitrix24 ช่วยให้มีการจัดการโปรเจกต์แบบ Agile และสามารถติดตามความคืบหน้าอย่างมีประสิทธิภาพผ่าน Dashboard กลาง
2.3 Organizational Culture – วัฒนธรรมที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง
วัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการทดลอง ความล้มเหลวที่เรียนรู้ได้ การสื่อสารแบบเปิด และความร่วมมือระหว่างทีมงานเป็นสิ่งสำคัญมาก
ตัวอย่าง: หลายองค์กรที่ Sundae ดูแล ได้สร้างค่านิยมร่วม (Core Values) เช่น “Fail Fast, Learn Faster” และ “Customer First” ซึ่งถูกฝังไว้ในการใช้ระบบ CRM และ HRM ที่แสดงผล KPI ตามเป้าหมายเชิงวัฒนธรรม
มิติที่ 3: มิติด้านสภาพแวดล้อมภายนอก (External Environment)
องค์กรไม่ได้ดำเนินการในสุญญากาศ แต่เกี่ยวข้องกับลูกค้า คู่ค้า รัฐบาล และบริบททางสังคม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี มิตินี้จึงสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
3.1 Stakeholder Engagement – การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ
องค์กรควรมีระบบที่ช่วยให้สามารถทำงานร่วมกับผู้เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในระดับลูกค้า พาร์ทเนอร์ และซัพพลายเออร์
ตัวอย่าง: Freshworks Customer Service Suite ช่วยรวมศูนย์ทุกช่องทางการสื่อสารไว้ในที่เดียว (Omnichannel) ลดการตกหล่นของเคสลูกค้า และสร้างประสบการณ์ที่ดีในทุก Touchpoint
3.2 Market Dynamics – เข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง
การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค การติดตามเทรนด์ และคู่แข่ง คือสิ่งจำเป็น
ตัวอย่าง: ระบบ Customer Data Platform (CDP) ช่วยรวมข้อมูลพฤติกรรมจากหลายช่องทาง เช่น เว็บ,แอป, Line OA, Facebook และนำมาวิเคราะห์แบบ Real-Time เพื่อสร้างแคมเปญเฉพาะบุคคล
3.3 Regulatory Compliance – ปฏิบัติตามข้อกำหนด
กฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (เช่น PDPA), การเงิน, ภาษี และมาตรฐานความปลอดภัยไซเบอร์ ล้วนเป็นสิ่งที่องค์กรต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ตัวอย่าง: โซลูชัน SAP Business One รองรับมาตรฐานการจัดทำบัญชีภาษีในประเทศไทย และสามารถส่งออกข้อมูลให้หน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมสรรพากร ได้โดยตรง
บทสรุป: Digital Transformation ที่แท้จริงต้องยืดหยุ่นและยั่งยืน
Digital Transformation ที่ยั่งยืนไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่คือการออกแบบองค์กรใหม่ทั้งระบบ โดยคำนึงถึงบุคลากร วัฒนธรรม และพันธมิตรทางธุรกิจ ไปพร้อมกับการใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด
การใช้ กรอบแนวคิด RDT (Resilient Digital Transformation) Framework ร่วมกับ โซลูชันของ Sundae Solutions ช่วยให้องค์กรมีแผนการดำเนินงานที่เป็นระบบ รอบด้าน และสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาว
หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาในการเดินทางสู่การเปลี่ยนผ่านที่ยั่งยืนและมีความยืดหยุ่น Sundae Solutions พร้อมเป็นเพื่อนร่วมทางของคุณ
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sundae.co.th
ขอบคุณ:
ข้อมูลเรื่อง Resilent Digital Transformation จาก ศ. ดร.วัฒนา วิริยสิทธาวัฒน์
สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SAP Business One กับ Resilent Digital Transformation ติดต่อ
บริษัท ซันเด โซลูชันส์ จำกัด
โทร 026348899 อีเมล sales@sundae.co.th
เว็บไซต์ https://www.sundae.co.th/solution/erp/sap-business-one/
- สิงหาคม 7, 2025
- Posted by: sundaeadmin
- Category: Articles-TH
