AI Transformation: Roadmap พลิกองค์กรสู่การเป็น "AI-First Company"

ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้แทรกซึมเข้าสู่ทุกมิติของโลกธุรกิจ แต่การมี “เครื่องมือ AI” ในองค์กร แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการเป็น “AI-First Company” ที่ใช้ AI เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนทุกการตัดสินใจ หลายองค์กรยังคงติดอยู่ในกับดัก “Pilot Purgatory” ที่เต็มไปด้วยโครงการทดลองเล็กๆ ซึ่งไม่เคยถูกขยายผลเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง

บทความนี้คือ Roadmap ฉบับสมบูรณ์ ที่จะนำพาองค์กรของคุณ ตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ไปจนถึง SMBs ก้าวข้ามยุค “ลองใช้” สู่การ “ทรานส์ฟอร์ม” อย่างเป็นระบบ พร้อมตัวอย่างจากบริษัทชั้นนำและเครื่องมือที่จับต้องได้ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันแห่งอนาคต

AI Transformation: Roadmap พลิกองค์กรสู่การเป็น "AI-First Company"

The Visionaries: ภาพอนาคตของ AI-First Company

ก่อนจะเริ่มเดินทาง เรามาดูภาพความสำเร็จขององค์กรที่ใช้ AI เป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและเป้าหมายที่ชัดเจน

 

กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่: AI คือ DNA ของธุรกิจ

  • SCBX (กลุ่มเอสซีบี เอกซ์)
    กลุ่มยานแม่ของธนาคารไทยพาณิชย์ได้ประกาศวิสัยทัศน์ชัดเจนในการเป็น AI-First Organization โดยมองว่า AI คือหัวหอกสำคัญในการสร้างรายได้และขีดความสามารถในการแข่งขันแห่งอนาคต

ความสำเร็จและกลยุทธ์ที่สำคัญ:

เป้าหมายเชิงปริมาณ: ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่า 75% ของรายได้จะมาจากธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI ภายในปี 2027 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงการให้ความสำคัญกับ AI ในระดับกลยุทธ์สูงสุด

 

การพัฒนา AI ของตัวเอง: จัดตั้งทีมวิจัยและพัฒนาเชิงลึกเพื่อสร้างโมเดล AI ของตนเอง เช่น “Typhoon” ซึ่งเป็น Large Language Model (LLM) ที่เชี่ยวชาญภาษาไทย เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศและสร้างความได้เปรียบในการเข้าใจบริบทของคนไทย

 

การประยุกต์ใช้จริง: นำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตรงใจ (Hyper-Personalization), พัฒนาแพลตฟอร์มให้คำปรึกษาทางการเงินด้วย AI (Agentic AI Financial Advisory) และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กร

 

  • KBTG (Kasikorn Business-Technology Group)
    KBTG ในฐานะหน่วยงานด้านเทคโนโลยีของธนาคารกสิกรไทย เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ประกาศตัวเป็น AI-First Company อย่างแข็งขัน โดยมุ่งเน้นการวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อนำมาใช้งานจริง

ความสำเร็จและกลยุทธ์ที่สำคัญ:

การสร้างระบบนิเวศ AI: ลงทุนในการสร้าง KBTG Labs ที่ทำงานวิจัยด้าน AI อย่างจริงจัง และมีความร่วมมือกับสถาบันระดับโลกอย่าง MIT Media Lab เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีล้ำสมัย

 

พัฒนาบริการใหม่: สร้างบริการที่เกิดจาก AI โดยตรง เช่น “ขุนทอง” Chatbot ช่วยจัดการและทวงเงินในแอปพลิเคชัน LINE ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงและมีผู้ใช้งานหลายล้านคน

 

AI ต่อยอดบริการเดิม: นำ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแอปพลิเคชัน K PLUS ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 22 ล้านราย โดยใช้ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมเพื่อป้องกันการทุจริต (Fraud Detection) และนำเสนอโปรโมชั่นที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย

  • Google (Alphabet)
    Google คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของ AI-First Company อย่างแท้จริง AI ไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ แต่เป็น “หัวใจ” ของแทบทุกบริการ

 

ความสำเร็จและกลยุทธ์ที่สำคัญ:

Search Engine: อัลกอริทึมการค้นหาใช้ AI ที่ซับซ้อน (เช่น RankBrain, BERT) เพื่อทำความเข้าใจเจตนาของผู้ค้นหาและแสดงผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องมากที่สุด

 

Personalized Services: บริการอย่าง YouTube, Google Maps, และ Gmail ใช้ AI ในการแนะนำวิดีโอ, ค้นหาเส้นทางที่ดีที่สุดแบบเรียลไทม์, และคัดกรองสแปมได้อย่างแม่นยำ

 

AI-Native Products: สร้างผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจาก AI โดยตรง เช่น Google Assistant (ผู้ช่วยอัจฉริยะ) และ Waymo (รถยนต์ไร้คนขับ)

 

  • Netflix
    ความสำเร็จของ Netflix ในการเป็นผู้นำตลาดสตรีมมิ่งมี AI เป็นเบื้องหลังสำคัญในการสร้างความผูกพันกับผู้ชม

 

ความสำเร็จและกลยุทธ์ที่สำคัญ:

 

ระบบแนะนำคอนเทนต์ (Recommendation Engine): AI คือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดของ Netflix ในการวิเคราะห์ประวัติการรับชมและพฤติกรรมของผู้ใช้กว่า 200 ล้านคนทั่วโลก เพื่อคัดเลือกและนำเสนอคอนเทนต์ที่พวกเขาน่าจะชอบมากที่สุด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้ายังคงใช้บริการต่อ

 

การสร้างคอนเทนต์: ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อตัดสินใจลงทุนสร้างภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมในแต่ละภูมิภาค

 

การตลาดและการนำเสนอ: แม้แต่ภาพปก (Thumbnail) ของหนังหรือซีรีส์ที่ผู้ใช้แต่ละคนเห็นก็แตกต่างกัน โดย AI จะเลือกภาพที่น่าจะดึงดูดผู้ใช้คนนั้นๆ ได้ดีที่สุด

 

  • Amazon
    Amazon ผสาน AI เข้าไปในทุกส่วนของธุรกิจ ตั้งแต่ E-commerce ไปจนถึง Cloud Computing

 

ความสำเร็จและกลยุทธ์ที่สำคัญ:

 

E-commerce Personalization: เช่นเดียวกับ Netflix, Amazon ใช้ AI แนะนำสินค้าที่ลูกค้าอาจสนใจได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างยอดขาย

 

ระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ (Smart Warehouses): ใช้หุ่นยนต์ที่ควบคุมด้วย AI ในการจัดการสินค้าในคลัง ทำให้กระบวนการจัดเก็บและจัดส่งรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง

 

Amazon Web Services (AWS): ให้บริการเครื่องมือ AI และ Machine Learning แก่บริษัทอื่นๆ ทั่วโลก ทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

หัวใจสำคัญของ SMBs คือการใช้ AI ที่ “จับต้องได้” และ “แก้ปัญหาเฉพาะหน้า” โดยเน้นที่เครื่องมือที่พร้อมใช้งาน (often subscription-based) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างยอดขายได้ทันที

ตัวอย่างบริษัทขนาดกลางและเล็ก SMB

บริษัทเล็กๆ ในต่างประเทศใช้ AI แก้ปัญหาทางธุรกิจได้อย่างน่าทึ่ง:

  • Henry’s House of Coffee (โรงคั่วกาแฟ, สหรัฐอเมริกา)

นี่คือธุรกิจครอบครัวที่ใช้ AI เป็น “สมอง” ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำการตลาด

  • สิ่งที่ทำ:
    • SEO & Content: ใช้เครื่องมือ AI ช่วยเขียนคำอธิบายสินค้าเมล็ดกาแฟแต่ละชนิดให้ติดอันดับการค้นหาบน Google ได้ดีขึ้น
    • Customer Analysis: ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อทำความเข้าใจ “มูลค่าตลอดชีพของลูกค้า” (Customer Lifetime Value) ทำให้รู้ว่าควรจะลงทุนทำการตลาดกับลูกค้ากลุ่มไหน และควรมอบส่วนลดแบบใดเพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
  • ความสำเร็จ: AI ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กที่มีทรัพยากรจำกัด สามารถ “แข่งขันได้อย่างชาญฉลาดและรวดเร็วขึ้น” ในตลาด E-commerce ที่มีการแข่งขันสูง

 

  • Sweet Creations (ร้านเบเกอรี่, สหรัฐอเมริกา)

เป็นตัวอย่างสุดคลาสสิกของการใช้ AI แก้ปัญหาการจัดการสต็อกและของเสีย (Food Waste)

  • สิ่งที่ทำ:
    • Demand Forecasting: ใช้ระบบ AI ง่ายๆ วิเคราะห์ข้อมูลยอดขายในอดีต, ปฏิทินกิจกรรมในท้องถิ่น, และพยากรณ์อากาศ เพื่อ “ทำนายยอดขาย” ขนมปังและเค้กในแต่ละวันได้อย่างแม่นยำ
  • ความสำเร็จ:
    • ลดปริมาณของเสียจาก 18% เหลือไม่ถึง 4%
    • กำไรเพิ่มขึ้น 22%
    • คืนทุนค่าระบบ AI ภายใน 3 เดือน

 

แม้จะยังไม่มีกรณีศึกษาที่ถูกโปรโมตในวงกว้างเท่าบริษัทใหญ่ แต่จากการสำรวจพบว่า SMBs ไทยจำนวนมากได้เริ่มนำ AI มาใช้ในรูปแบบต่างๆ ที่ใกล้ตัวและเห็นผลเร็ว นี่คือ “ต้นแบบ” ของธุรกิจ SMBs ไทยที่ใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

 

  • ร้านค้าออนไลน์บน Shopee/Lazada และ Social Commerce

ร้านค้าเหล่านี้คือกลุ่มที่ใช้ประโยชน์จาก AI ที่ฝังมากับแพลตฟอร์มได้อย่างเต็มที่

  • สิ่งที่ทำ:
    • การตลาดอัตโนมัติ (Automated Marketing): ใช้ AI ของแพลตฟอร์ม (เช่น Facebook Ads, TikTok Ads) เพื่อยิงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ “มีแนวโน้มจะซื้อ” สูงสุด โดย AI จะเรียนรู้และปรับปรุงกลุ่มเป้าหมายให้เอง
    • แชตบอตตอบคำถาม (AI Chatbot): ใช้ระบบแชตบอตที่เชื่อมกับ LINE OA หรือ Facebook Messenger เพื่อตอบคำถามที่พบบ่อย เช่น “สินค้าพร้อมส่งไหม?”, “ราคาเท่าไหร่?”, “มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง?” ทำให้สามารถปิดการขายได้ 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องมีแอดมินเฝ้าตลอดเวลา
  • ความสำเร็จ: เพิ่มโอกาสในการขาย และ ลดภาระงานแอดมิน ทำให้เจ้าของธุรกิจมีเวลาไปโฟกัสกับการหาสินค้าและกลยุทธ์อื่นๆ

 

  • ธุรกิจบริการและคลินิกขนาดเล็ก (เช่น คลินิกเสริมความงาม, โรงเรียนสอนพิเศษ)

ธุรกิจที่ต้องพึ่งพาการนัดหมายและการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า

  • สิ่งที่ทำ:
    • CRM อัจฉริยะ: ใช้ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ที่มี AI ในตัว เพื่อช่วยวิเคราะห์ว่าลูกค้าคนไหนใกล้ถึงรอบใช้บริการ หรือควรนำเสนอโปรโมชั่นอะไรเพิ่มเติม
    • Personalized Content: ใช้ Generative AI (เช่น ChatGPT) ช่วยร่างข้อความสำหรับส่ง SMS หรือ LINE เพื่อแจ้งเตือนการนัดหมาย หรือส่งโปรโมชั่นวันเกิดให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษ
  • ความสำเร็จ: รักษาฐานลูกค้าเก่า ได้ดีขึ้น และ เพิ่มโอกาสในการกลับมาใช้บริการซ้ำ

 

  • เอเจนซี่การตลาดดิจิทัลขนาดเล็ก

เอเจนซี่กลุ่มนี้ใช้ AI เป็นเครื่องมือสำคัญในการให้บริการลูกค้า

  • สิ่งที่ทำ:
    • สร้างคอนเทนต์อย่างรวดเร็ว (Content Creation): ใช้ Generative AI ช่วยคิดไอเดีย, เขียนแคปชั่นสำหรับโซเชียลมีเดีย, และสร้างสคริปต์วิดีโอสั้น ทำให้ผลิตงานให้ลูกค้าได้ในปริมาณที่มากขึ้นและรวดเร็วกว่าเดิม
    • วิเคราะห์ข้อมูลแคมเปญ: ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสรุปผลแคมเปญโฆษณาและหา Insight ว่าโฆษณาแบบไหนได้ผลดีที่สุด
  • ความสำเร็จ: เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ของทีม ทำให้สามารถรับงานลูกค้าได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มจำนวนคน

 

จะเห็นได้ว่าสำหรับ SMBs ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่การสร้าง AI ที่ซับซ้อน แต่คือการ “เลือกใช้เครื่องมือ AI ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด” เพื่อแก้ปัญหาที่ตรงจุดและสร้างความได้เปรียบในตลาดของตนนั่นเองครับ

Roadmap 3 ขั้นตอนสู่ AI Transformation

ขั้นตอนที่ 1: วางรากฐานเชิงกลยุทธ์ (Strategy Before Technology)

การทรานส์ฟอร์มที่ไร้ทิศทาง ย่อมนำไปสู่ความล้มเหลว ดังนั้นทุกอย่างต้องเริ่มต้นที่กลยุทธ์

  • 1.1 กำหนดวิสัยทัศน์ AI (AI Vision): มองข้ามการลดต้นทุนไปสู่การสร้างคุณค่าใหม่ ถามตัวเองว่า “อีก 3 ปีข้างหน้า ธุรกิจของเราที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะมอบประสบการณ์ที่แตกต่างให้ลูกค้าได้อย่างไร?”
  • 1.2 ระบุโจทย์ทางธุรกิจที่ใช่ (Identify Use Cases): ใช้กรอบความคิด “Automate, Augment, Amplify” เพื่อหาโอกาส
    • Automate (ทำงานอัตโนมัติ): คือการใช้ AI จัดการงานที่ซ้ำซากและมีขั้นตอนชัดเจน เพื่อปลดปล่อยให้ทีมไปทำงานที่สร้างสรรค์กว่าเดิม เช่น การตอบคำถามลูกค้าที่พบบ่อย ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องมืออย่าง Freshworks ที่ใช้ AI Chatbot ชื่อ ‘Freddy AI’ เข้ามาจัดการบทสนทนาเบื้องต้นบนเว็บไซต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้องค์กรไม่พลาดโอกาสทางธุรกิจแม้จะเป็นช่วงนอกเวลาทำการ
    • Augment (เพิ่มศักยภาพคน): คือการใช้ AI เป็น ‘Co-pilot’ หรือผู้ช่วยอัจฉริยะ ทำให้พนักงานทำงานได้ดีและเร็วขึ้น ลองนึกภาพทีมขายของคุณใช้ AI CoPilot ในระบบ CRM อย่าง Bitrix24 ช่วยร่างอีเมลติดตามลูกค้า หรือสรุปใจความสำคัญหลังการโทรศัพท์ ทำให้พวกเขามีเวลาไปโฟกัสกับการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้มากขึ้น หรือทีมบริการลูกค้าที่ใช้ AI ของ Freshworks ช่วยสรุป Ticket ที่ซับซ้อน ทำให้เข้าใจปัญหาของลูกค้าได้ในไม่กี่วินาที
    • Amplify (สร้างโมเดลธุรกิจใหม่): คือการใช้ AI สร้างบริการใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำได้มาก่อน เช่น แพลตฟอร์มแนะนำการลงทุนส่วนบุคคล หรือระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่
  • 1.3 ประเมินความพร้อมด้านข้อมูล (Data Readiness): ข้อมูลคือเชื้อเพลิงของ AI องค์กรต้องมั่นใจว่ามีข้อมูลที่สะอาด, เป็นระบบ และพร้อมใช้งาน การลงทุนในธรรมาภิบาลข้อมูล (Data Governance) คือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

ขั้นตอนที่ 2: ขับเคลื่อนด้วยคนและวัฒนธรรม (People and Culture)

เทคโนโลยีที่ดีที่สุดก็ไร้ความหมายหากทีมไม่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง

  • 2.1 สร้างวัฒนธรรมแห่งการทดลอง (Experimental Culture): ผู้นำต้องสื่อสารว่า AI คือ “Co-pilot” ไม่ใช่คู่แข่ง และสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้พนักงานกล้าทดลองและเรียนรู้จากความผิดพลาด
  • 2.2 พัฒนาทักษะแห่งอนาคต (Reskilling & Upskilling): พนักงานทุกคนไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ด แต่จำเป็นต้องมีทักษะใหม่ เช่น AI Literacy (ความเข้าใจพื้นฐาน), Prompt Engineering (ศิลปะการสั่งงาน AI) และ Data Storytelling (การนำข้อมูลมาเล่าเรื่องเพื่อการตัดสินใจ)

 

ขั้นตอนที่ 3: ลงมือปฏิบัติอย่างมีทิศทาง (Execution and Governance)

เมื่อมีกลยุทธ์และคนที่พร้อม ก็ถึงเวลาลงมือทำอย่างเป็นระบบ

  • 3.1 เริ่มเล็กและขยายผลอย่างชาญฉลาด (Start Small, Scale Smart):

นำแนวคิด “Lighthouse Projects” มาใช้ คือเลือกโปรเจกต์นำร่องที่เห็นผลเร็วและวัดผลได้ เหมือนกับที่ Henry’s House of Coffee เริ่มจากการใช้ AI แก้ปัญหาด้านการตลาด หรือ ร้านค้าออนไลน์ในไทย เริ่มจากการใช้ Chatbot จัดการคำสั่งซื้อ ซึ่งเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่แก้แล้วเห็นผลทันที

  • 3.2 เลือกเส้นทางเทคโนโลยีที่เหมาะสม (Build vs. Buy vs. Partner):
    • Buy (ซื้อ): การเลือกใช้แพลตฟอร์มสำเร็จรูปที่มี AI ในตัว คือทางลัดที่ทรงพลังสำหรับ SMBs ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็วในด้านบริการลูกค้าและการขาย ตัวอย่างเช่นแพลตฟอร์ม Freshworks หรือ Bitrix24 ที่กล่าวถึงในตอนต้น
    • Build (สร้าง): เหมาะกับโจทย์เฉพาะทางที่เป็นความลับทางการค้าและมีทีมงานที่พร้อม
    • Partner (จับมือ): ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญภายนอกเพื่อเร่งความเร็วในการทรานส์ฟอร์ม
  • 3.3 สร้างกรอบธรรมาภิบาล AI (Responsible AI & Governance):

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด องค์กรต้องมีกติกาการใช้ AI ที่ชัดเจน เพื่อสร้างความไว้วางใจและจัดการความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยของข้อมูล (Data Privacy), ความโปร่งใส (Transparency) และการป้องกันอคติ (Bias)

 

บทสรุป: ไม่ใช่แค่การอยู่รอด แต่คือการเติบโต

AI Transformation ไม่ใช่โปรเจกต์ที่มีจุดสิ้นสุด แต่คือการเดินทางเพื่อสร้าง องค์กรที่พร้อมปรับตัว” (Adaptive Enterprise) ไม่ว่าคุณจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการรักษาตำแหน่งผู้นำ หรือเป็น SMB ที่ต้องการเครื่องมือเพื่อแข่งขัน การเริ่มต้นที่ถูกต้องคือหัวใจสำคัญ

คำถามที่คุณควรถามทีมในวันนี้ ไม่ใช่ “เราจะซื้อ AI อะไรดี?” แต่เป็น ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของธุรกิจเราตอนนี้คืออะไร และ AI จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหานั้นได้อย่างไร?”

คำตอบของคำถามนี้ คือจุดเริ่มต้นของการทรานส์ฟอร์มที่แท้จริง เพราะการแข่งขันในยุคต่อไป ไม่ได้วัดกันที่ใคร “มี” AI แต่วัดกันที่ใคร “ปรับตัว” กับ AI ได้เก่งที่สุด

 

สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ  Freshworks ติดต่อ

Sundae Solutions Co., Ltd.

T| +6626348899  E| sales@sundae.co.th

W| https://www.sundae.co.th/solution/crm-and-customer-experience/freshworks/

DISPL 2