AI ไม่ได้มีไว้แค่ลดต้นทุน แต่คือขุมพลังใหม่ในการ “สร้างยอดขาย” ให้ธุรกิจของคุณ

ในภูมิทัศน์ธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หลายองค์กรอาจยังมองว่าปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เป็นเพียงเครื่องมือล้ำสมัยสำหรับลดต้นทุนการดำเนินงานหรือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในฝ่ายผลิต แต่ในความเป็นจริงแล้ว ศักยภาพที่แท้จริงและน่าตื่นเต้นที่สุดของ AI ได้ก้าวข้ามขอบเขตนั้นไปไกล และกำลังกลายเป็น ขุมพลังสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้และสร้างการเติบโตทางยอดขาย อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

AI ไม่ได้มีไว้แค่ลดต้นทุน แต่คือขุมพลังใหม่ในการ “สร้างยอดขาย” ให้ธุรกิจของคุณ

การเปลี่ยนมุมมองจาก AI เพื่อ “การประหยัด” (Saving) ไปสู่ AI เพื่อ “การสร้างรายได้” (Earning) คือหัวใจสำคัญที่จะปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของธุรกิจในยุคดิจิทัล บทความนี้จะเจาะลึกว่า AI ทำงานอย่างไรในการเพิ่มยอดขาย พร้อมยกตัวอย่างการใช้งานจริงผ่านเครื่องมือและแพลตฟอร์มชั้นนำที่ธุรกิจยุคใหม่เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นระบบ ERP อย่าง SAP Business One, แพลตฟอร์มบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์อย่าง Freshworks และ Bitrix24

 

  1. เปลี่ยนข้อมูลมหาศาลให้เป็น โอกาสทางการขาย
    ที่รู้ใจ (Hyper-Personalization)

ในยุคที่ลูกค้าถูกถล่มด้วยข้อมูลข่าวสาร การตลาดแบบหว่านแห (Mass Marketing) ไม่ได้ผลอีกต่อไป กุญแจสู่การปิดการขายคือการทำให้ลูกค้ารู้สึก “พิเศษ” และ “เข้าใจ” ผ่านการนำเสนอที่ตรงจุดแบบรายบุคคล (Personalization) ซึ่ง AI คือเทคโนโลยีเดียวที่สามารถทำสิ่งนี้ได้ในสเกลขนาดใหญ่

 

AI ทำงานอย่างไร?

AI จะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าจากทุกจุดสัมผัส (Touchpoint) ไม่ว่าจะเป็นประวัติการซื้อ, สินค้าที่เคยคลิกดูบนเว็บไซต์, การเปิดอีเมล, การโต้ตอบใน Live Chat หรือแม้แต่พฤติกรรมบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างโปรไฟล์ลูกค้า (Customer Persona) ที่สมบูรณ์แบบ จากนั้นจึงขับเคลื่อนกลยุทธ์การขายที่เฉียบคม

  • การแนะนำสินค้าอัจฉริยะ (Intelligent Product Recommendations): AI จะเรียนรู้ความชอบของลูกค้าและนำเสนอสินค้าที่พวกเขาน่าจะสนใจมากที่สุดในเวลาที่เหมาะสม ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายต่อยอด (Upselling) และการขายพ่วง (Cross-selling) ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • การตลาดแบบเจาะจง (Targeted Marketing Automation): AI ช่วยแบ่งกลุ่มลูกค้าอย่างละเอียดและสร้างแคมเปญการตลาดอัตโนมัติที่แตกต่างกัน เช่น ส่งโปรโมชั่นพิเศษสำหรับสินค้าที่ลูกค้าเคยใส่ไว้ในตะกร้าแต่ยังไม่จ่ายเงิน หรือส่งข้อมูลสินค้าใหม่ที่ตรงกับความสนใจของลูกค้าแต่ละกลุ่มโดยเฉพาะ

 

ตัวอย่างการใช้งานจริง:

  • Freshworks: แพลตฟอร์มนี้ใช้ AI ที่ชื่อว่า “Freddy AI” เข้ามาช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าบนเว็บไซต์ เมื่อ Freddy AI ตรวจพบว่าลูกค้าคนไหนกำลังใช้เวลาดูหน้าสินค้าชิ้นใดเป็นพิเศษ หรือมีแนวโน้มจะตัดสินใจซื้อ ก็จะส่งสัญญาณให้แชทบอทหรือพนักงานขายเข้าไปพูดคุยเพื่อเสนอความช่วยเหลือหรือมอบส่วนลดได้ทันที เป็นการเปลี่ยนจาก “การตั้งรับ” เป็น “การรุก” เข้าหาลูกค้าที่มีโอกาสซื้อสูง
  • Bitrix24: ระบบ CRM ของ Bitrix24 มีเครื่องมือ AI ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า เช่น อีเมล, การโทร, และแชท เพื่อระบุความสนใจของลูกค้าแต่ละราย ช่วยให้พนักงานขายสามารถเตรียมข้อมูลและข้อเสนอที่ “โดนใจ” สำหรับการสนทนาครั้งต่อไปได้แม่นยำขึ้น

2. ติดอาวุธให้ทีมขาย ทำงานน้อยลง แต่ ปิดการขายได้มากขึ้น

 

AI ไม่ได้มาแทนที่พนักงานขาย แต่มาเพื่อเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่ช่วยให้พวกเขามีเวลาโฟกัสกับงานที่สำคัญที่สุด นั่นคือการสร้างความสัมพันธ์และปิดการขาย แทนที่จะต้องเสียเวลาไปกับงานเอกสารที่ซ้ำซ้อนและน่าเบื่อ

 

AI ทำงานอย่างไร?

AI จะเข้ามาจัดการกระบวนการขายที่ต้องทำซ้ำๆ และให้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อการตัดสินใจที่เฉียบคมขึ้น

  • การคัดกรองและจัดลำดับความสำคัญของลูกค้า (AI-Powered Lead Scoring): AI จะประเมินและให้คะแนน “ผู้ที่สนใจ” (Leads) แต่ละรายโดยอัตโนมัติตามโอกาสที่จะกลายเป็นลูกค้าจริง โดยวิเคราะห์จากข้อมูลประชากร,พฤติกรรมการมีส่วนร่วม, และความสอดคล้องกับโปรไฟล์ลูกค้าในอุดมคติ ช่วยให้ทีมขายรู้ว่าควรทุ่มเทเวลาให้กับใครก่อน
  • พยากรณ์ยอดขายแม่นยำ (Accurate Sales Forecasting): AI วิเคราะห์ข้อมูลการขายในอดีต, แนวโน้มของตลาด, และปัจจัยอื่นๆ เพื่อคาดการณ์ยอดขายในอนาคต ทำให้ผู้บริหารสามารถวางแผนกลยุทธ์, จัดการสต็อก, และจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบอัตโนมัติสำหรับงานธุรการ (Sales Process Automation): AI ช่วยจัดการงานจิปาถะ เช่น การบันทึกข้อมูลการติดต่อลูกค้าลงในระบบ CRM, การตั้งเวลาติดตามผล, หรือแม้กระทั่งการร่างอีเมลตอบกลับเบื้องต้น

 

ตัวอย่างการใช้งานจริง:

  • SAP Business One (SAP B1): แม้จะเป็นระบบ ERP แต่ SAP B1 สามารถผสานการทำงานกับ AI เพื่อยกระดับการขายได้อย่างน่าทึ่ง โดย AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการสั่งซื้อย้อนหลังของลูกค้าทั้งหมดในระบบ เพื่อพยากรณ์ว่าลูกค้าแต่ละรายน่าจะกลับมาซื้อสินค้าอะไรและเมื่อไหร่ ทำให้ทีมขายสามารถติดต่อหาลูกค้าพร้อมข้อเสนอที่ตรงจังหวะ เพิ่มโอกาสในการขายซ้ำ (Repeat Purchase) และรักษาฐานลูกค้าเก่าได้อย่างแข็งแกร่ง
  • Bitrix24: มีฟีเจอร์ AI ที่เรียกว่า “AI Scoring” ซึ่งจะวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดใน CRM และให้คะแนน Leads และ Deals โดยอัตโนมัติ ทีมขายสามารถมองเห็นได้ทันทีว่าลูกค้ารายไหน “ร้อนแรง” และพร้อมที่จะปิดการขาย ช่วยให้การจัดลำดับความสำคัญของงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

3. สร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ น่าประทับใจจนต้องบอกต่อ

ประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience – CX) คือสมรภูมิรบที่สำคัญที่สุดในปัจจุบัน ลูกค้าที่ได้รับบริการที่ยอดเยี่ยม สะดวก และรวดเร็ว ไม่เพียงแต่จะกลับมาซื้อซ้ำ แต่ยังกลายเป็นกระบอกเสียงที่ทรงพลังที่สุดในการแนะนำแบรนด์ของคุณ

 

AI ทำงานอย่างไร?

AI ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นและเป็นส่วนตัวตลอดเส้นทางของลูกค้า (Customer Journey)

  • แชทบอทอัจฉริยะ 24/7 (Intelligent Chatbots): แชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถตอบคำถามที่พบบ่อย, แนะนำสินค้า, และช่วยเหลือลูกค้าในการทำธุรกรรมเบื้องต้นได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยลดเวลารอคอยและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อย่างมหาศาล
  • วิเคราะห์ความรู้สึกของลูกค้า (Sentiment Analysis): AI สามารถอ่านและวิเคราะห์ข้อความจากรีวิว, โซเชียลมีเดีย, หรือแบบสำรวจ เพื่อทำความเข้าใจว่าลูกค้ารู้สึก “บวก” หรือ “ลบ” ต่อแบรนด์ สินค้า หรือบริการ ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ก่อนที่จะลุกลามเป็นวิกฤต
  • การบริการเชิงรุก (Proactive Support): AI สามารถตรวจจับสัญญาณปัญหาของลูกค้าได้ล่วงหน้า เช่น ลูกค้าที่เข้าหน้า “ช่วยเหลือ” บ่อยๆ หรือมีพฤติกรรมการใช้งานที่ติดขัด ระบบสามารถแจ้งเตือนให้ทีมงานรีบเข้าไปดูแลช่วยเหลือได้ก่อนที่ลูกค้าจะร้องขอ

 

ตัวอย่างการใช้งานจริง:

  • Freshworks: Freddy AI ของ Freshworks มีความสามารถในการขับเคลื่อนแชทบอทที่ชาญฉลาด สามารถเข้าใจเจตนาของลูกค้าและตอบคำถามที่ซับซ้อนได้ หากคำถามนั้นเกินความสามารถ แชทบอทจะส่งต่อการสนทนาไปยังพนักงานที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ พร้อมสรุปข้อมูลทั้งหมดที่คุยกับลูกค้ามาก่อนหน้า ทำให้การบริการเป็นไปอย่างต่อเนื่องและไม่ติดขัด

SAP Business One: สามารถเชื่อมต่อกับระบบ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการเคลมสินค้าหรือการขอรับบริการหลังการขาย เพื่อค้นหารูปแบบของปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ช่วยให้ธุรกิจสามารถแก้ไขปัญหาที่ต้นตอและปรับปรุงคุณภาพสินค้า ซึ่งนำไปสู่การลดข้อร้องเรียนและเพิ่มความภักดีของลูกค้าในระยะยาว

บทสรุป: ถึงเวลาใช้ AI เพื่อ “สร้าง” ไม่ใช่แค่ “ลด”

โลกธุรกิจได้เดินทางมาถึงจุดที่ AI ไม่ใช่เพียงทางเลือกเพื่อความอยู่รอด แต่เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการเติบโต การจำกัดบทบาทของ AI ไว้แค่การลดต้นทุน คือการมองข้ามโอกาสมหาศาลในการสร้างรายได้และทิ้งห่างคู่แข่ง

 

แพลตฟอร์มอย่าง SAP Business One, Freshworks, และ Bitrix24 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือซับซ้อนเกินไปสำหรับธุรกิจทุกขนาด แต่เป็นเครื่องมือที่จับต้องได้และพร้อมใช้งาน สามารถผสานเข้ากับกระบวนการขายและการตลาดได้อย่างลงตัว เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน, เพิ่มพลังให้กับทีมขาย, และสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ

วันนี้ คำถามสำคัญที่ผู้นำองค์กรต้องถามตัวเองไม่ใช่ “เราจะใช้ AI เพื่อลดต้นทุนได้อย่างไร?” แต่ต้องเป็น เราจะใช้ AI เพื่อสร้างยอดขายและขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างไร?” เพราะคำตอบของคำถามนี้ คือกุญแจที่จะกำหนดอนาคตและความสามารถในการแข่งขันขององค์กรคุณในทศวรรษนี้และต่อๆ ไป

สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ  Freshworks ติดต่อ

Sundae Solutions Co., Ltd.

T| +6626348899  E| sales@sundae.co.th

W| https://www.sundae.co.th/solution/crm-and-customer-experience/freshworks/

DISPL 2